
สายลดน้ำหนักฟังทางนี้!! หลายๆ คนคงเจอกับปัญหาออกกำลังกายเท่าไหร่ น้ำหนักก็ไม่ลดสักที แถมบางคนยังอ้วนขึ้นอีก ทำตาม Youtuber ก็แล้ว ทำตาม Influencer ก็แล้ว เห็นผลช้าสุดๆ นั่นอาจจะเป็นเพราะการออกกำลังกายที่ทำอยู่นั้นไม่ถูกวิธี วันนี้แอดเลยจะมาบอกถึงการออกกำลังกายที่ถูกวิธีให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่จะโชว์หุ่นฟิต กล้ามเนื้อแน่นๆ กัน
ก่อนอื่นเลยการที่เราจะออกกำลังกายได้อย่างเห็นผลชัด เราต้องทำการควบคุมอาหาร แต่บางคนคุมอาหารก็แล้วน้ำหนักก็ยังไม่ลง
ทำไมคุมอาหารแต่น้ำหนักไม่ลง?

งดหรืออดอาหาร
ในการคุมอาหารหลายๆ คนคงคิดว่าเป็นการลดปริมาณในการรับประทานอาหารที่น้อยลง บางคนอดมื้ออาหารไป 1 มื้อ เพื่อลดปริมาณแคลเลอรี่ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด การงดอาหารไปเลย จะทำให้เราหิวมากกว่าเดิมจนกินมากขึ้น แต่ซึ่งจริงๆ แล้ว การคุมอาหารคือการควบคุมพลังงานจากอาหารที่ร่างกายควรได้รับ และต้องรับประทานอาหารที่ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อร่างกายที่แข็งแรงขึ้น ควรหยุดลดน้ำหนักโดยการอดมื้อกินมื้อจะดีที่สุด
ใช้วิธี Intermittent Fasting (IF) โดยประจำ แบบผิดวิธี
วิธีการทำ IF เป็นวิธีการลดน้ำหนักแบบจำกัดเวลา ถือเป็นวิธียอดฮิตที่ทุกคนต้องทำกัน เพราะลดไขมันได้อย่างรวดเร็วจริง ดูรีวิวแล้วเห็นผลไวสุดๆ โดยคนส่วนใหญ่จะนิยมจำกัดเวลาเป็นการทานอาหาร 8 ชั่วโมง และงดทาน 16 ชั่วโมง แต่ชั่วโมงในการทานอาหารให้เห็นผลได้จริง เราต้องไม่ทานอาหารมากเกินไป หรือทานอาหารตามใจปาก อย่างของหวาน ของทอด ก็ยากที่จะทำให้น้ำหนักและไขมันนั้นลดลง ดังนั้นเราใช้วิธีคุมอาหารโดยการทำ IF ได้ แต่ต้องห้ามตามใจปากมากเกินจำเป็น
ระบบการเผาผลาญพลังงานในร่างกายต่ำ
ส่วนมากปัญหานี้มักจะเจอกับ คนที่มีกล้ามเนื้อน้อย ไม่ค่อยออกกำลังกาย ทั้งๆ ที่ไขมันเพิ่มขึ้น การควบคุมอาหาร แต่ไม่ได้ถูกใช้พลังงานชของร่างกายให้เพิ่มขึ้น น้ำหนักก็จะไม่ได้ลดลง ถ้าหากลดก็จะลดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แถมน้ำหนักยังกลับมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีก
นอนหลับไม่เพียงพอ
การอดนอนมักเป็นสาเหตุหลักๆ ของด้านสุขภาพโดยรวมเป็นอย่างมาก ทั้งยังทำให้ระบบพลังงานในการเผาผลาญช้าลง แถมทำให้ร่างกายทรุดโทรม อ่อนเพลีย ไม่มีแรงในการทำงาน แล้วยิ่งนอนดึก ก็ยิ่งหิว ยิ่งกินดึก ทำให้ไขมันไม่ได้ถูกเผาผลาญ แถมเวลาอ่อนเพลียก็ยิ่งอยากกินของหวานมากกว่าเดิม
การออกกำลังกายที่ถูกวิธี ลดได้ทุกส่วน

ไม่ต้องกังวล สำหรับการออกกำลังกายที่บ้านด้วยตัวเองว่าจะไม่เห็นผลเท่ากับจ้างเทรนเนอร์ วันนี้แอดจะมาบอกถึงวิธีที่ถูกต้องสำหรับการออกกำลังกายด้วยตัวเอง ลดได้ทุกๆ ส่วนแบบ Full Option
เตรียมพร้อมสำหรับการออกกำลังกาย
การเตรียมพร้อมในการออกกำลังกายถือเป็นสิ่งที่สำคัญสุดๆ เราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม ทำจิตใจให้แจ่มใสร่าเริง วอร์มอัพร่างกาย เพื่อป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ยืดเส้นยืดสายให้ร่างกายได้ยืดหยุ่น ปรับอุณภูมิในร่างกายให้เข้าที่ พร้อมที่จะออกกำลังกาย ช่วยทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายอย่างเห็นได้ชัด
ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ
อยากจะมีหุ่นที่ดี ก็ต้องออกกำกายให้สม่ำเสมอ โดยแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 15 – 30 นาทีต่อวัน เน้นออกกำลังกายโดยการเล่นเวทเทรนนิ่ง (Weight training) เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างร่อง 11 ให้กับตัวเอง สลับกับ การคาดิโอ (Cadio) ลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย หากไม่รู้ว่าจะออกกำลังกายท่าไหนดี ให้เสิร์ช Youtube ท่าออกกำลังกายได้เลย มีครบทุกส่วนแน่นอน
ผ่อนคลายกล้ามเนื้อด้วยการ (Cool Down)
หลังการออกกำลังกายในท่าที่หนักๆ แล้ว เราควรใช้เวลา 5 – 10 นาที ในการบริหารกล้ามเนื้อที่ตึง การยืดเหยียดจะช่วยให้คลายความตึงของกล้ามเนื้อได้ ไม่ทำให้เกิดความเมื่อยล้าในภายหลังได้
การมีอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายไว้ที่บ้านจึงกลายเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถือเป็นตัวช่วยในการออกกำลังกายให้ง่ายขึ้น
แนะนำ 5 อุปกรณ์ออกกำลังกายมีไว้ติดบ้าน ลดน้ำหนักได้ทุกส่วน
1. ดัมเบล (Dumbbells)

ดัมเบลเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ สามารถปรับใช้ได้หลากหลายท่า โดยคนส่วนใหญ่จะใช้ออกกำลังกายเฉพาะส่วน ถือว่าเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่คุ้มๆ ถ้ามีติดบ้าน ลดได้ทุกส่วนจริงๆ
2. เสื่อโยคะ (Yoga Mat)

เสื่อโยคะ ไม่ใช่แค่การออกกำลังกายสำหรับโยคะเท่านั้น แต่สามารถใช้ได้กับการออกกำลังกายในรูปแบบอื่นๆ ได้ด้วย ไว้รองแขน ขา เข่า ไม่ให้เสียดสีกับพื้นได้ อย่างท่าแพลงก์ (Plank), ซิทอัพ (Sit-up), ดันพื้น (Push-ups) เป็นต้น
3. ยางยืดออกกำลังกาย
ยางยืดออกกำลังกาย จะช่วยให้เพิ่มแรงต้านในการออกกำลังกาย โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มน้ำหนัก สามารถบริหารและยืดกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย ขอแนะนำ ยางยืดออกกำลังกายแบบบลูทูธ T3 Health Resistance Band นอกจากจะช่วยเบิร์นไขมัน กระชับกล้ามเนื้อ บริหารกล้ามเนื้อ ยังสามารถเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ ไว้คำนวณอัตราการเต้นของหัวใจ และการเผาผลาญแคลอรี่ โดยทำงานควบคู่กับแอปพลิเคชัน T3 Smart และ Fitness App ซึ่งรองรับทั้งบน iOS และ Android ทำได้หลากหลายขนาดนี้ ราคาเพียง 899 บาทเท่านั้น
4. ลูกกลิ้งลดหน้าท้อง
สร้างซิคแพค ร่อง 11 ได้ง่ายๆ ด้วยลูกกลิ้งกระชับหน้าท้องเสริมสร้างกล้าเนื้อส่วนบนเเละส่วนล่าง เน้นที่กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวโดยตรง อุปกรณ์ออกกำลังกายนี้ใช้งานค่อนข้างง่าย เล่นได้ทุกที่ สามารถออกกำลังกายได้ทุกเพศทุกวัย ขอแนะนำ ลูกกลิ้งบริหารหน้าท้อง T3 Health AB Wheel ที่สามารถเชื่อมต่อกับบลูทูธ สามารถคำนวณอัตราการเต้นของหัวใจ และการเผาผลาญแคลอรี่ แถมยังทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่น T3 Smart และ Fitness App ซึ่งรองรับทั้งบน iOS และ Android ได้ ราคาเพียง 999 บาท
5. เชือกกระโดด
เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ออกกำลังกายที่สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้อย่างดี สามารถเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาและข้อเท้า ขอแนะนำ เชือกกระโดดอัจฉริยะ T3 Health Jump Rope เชื่อมต่อกับบลูทูธได้ ตัวด้ามจับสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตัวเชือกลวดเหล็กสามารถปรับได้ มีด้ามจับนุ่ม จับกระชับมือ พร้อมฝึกความแข็งแรง ของปอด และหัวใจ ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น T3 Smart และ Fitness App รองรับทั้งบน iOS และ Android ทำงานได้อย่างแม่นยำ ในราคา 799 บาท
โดยสรุปแล้วน้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงไม่ได้ขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายและการคุมอาหารเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับอีกหลายๆ ปัจจัย เราต้องหมั่นดูพฤติกรรมของตัวเองอยู่บ่อยๆ บางสิ่งบางอย่างอาจจะเล็กน้อย แต่ส่งผลต่อน้ำหนักได้อย่างเห็นได้ชัด สำหรับใครอยากหาความรู้ หรือใครที่อยากหาข้อมูลดีๆ จากบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจจาก BNN ก็สามารถเข้ามาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ BNN Blog แหล่งรวมดาวชาว BNN ที่จะมาแชร์ความรู้ ทริค และโปรปังให้คุณได้ไปแบบไม่อั้น ตามมาเลยที่ https://blog.bnn.in.th 👀👀👀 และสำหรับใครที่อยากเลือกซื้อสินค้าจาก BNN Online ก็มีบริการพิเศษเลือกรับของที่หน้าร้านภายใน 1 ชั่วโมงได้เลย ผ่านสาขาไหนเลือกรับสาขานั้น ช้อปออนไลน์ง่ายๆได้แล้ววันนี้ ที่ BaNANA Online ถ้าไม่อยากรอนาน เพียงแค่โหลด Bnn Application ช้อปง่ายได้ของไวมั่นใจของแท้ 💯% โหลดได้แล้ววันนี้ทั้งระบบ iOS/Android
**หมายเหตุราคาสินค้า ณ วันที่ ราคาและโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า โปรดตรวจสอบก่อนสั่งซื้อ**
Leave a Reply